แนวทางการลงทุน ครึ่งหลังปี 2022

604 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แนวทางการลงทุน ครึ่งหลังปี 2022

สำหรับการวางแผนการลงทุนนั้น ไม่ว่าจะเจอสถาการณ์แบบใด ลองนำแนวทางทั้ง 7 ข้อไปใช้ดูนะครับ

1. เป้าหมายของการลงทุน
ให้กำหนดเป้าหมายของชีวิต  เช่น การศึกษาบุตร / การเกษียณ / พาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ หลังจากนั้น ให้เขียนมาเขียนลงใน 4 ช่องตามดังนี้

ช่องที่ 1 : เป้าหมายที่จำเป็น และ ระยะเวลาสั้น เช่น ค่าใช้จ่ายทั่วไปในการดำเนินชีวิต
ช่องที่ 2 :  เป้าหมายที่เป็นความปรารถนา และระยะสั้น เช่น เก็บเงินอีก 2-3 ปีที่เที่ยวกับครอบครัว
ช่องที่ 3 : เป้าหมายที่จำเป็น และระยะยาว เช่น ต้องการส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยที่ดี
ช่องที่ 4 : เป้าหมายที่เป็นความปรารถนา และระยะยาว เช่น ต้องการเกษียณใช้ชีวิตที่ดี หรือ ต้องการสร้างมรดกให้ลูก

"ยิ่งชัดเจนต่อเป้าหมาย  จะทำให้ยิ่งชัดเจนแผนการลงทุน"

 

2. กระจายการลงทุนในแต่ละ Assets Class

รูป 1 novelinvestor.com ผลตอบแทนของแต่ละ Asset Class

 

AA คือการจัดพอร์ตซึ่งประกอบด้วย หุ้น 50%, REIT 10% และ ตราสารหนี้อีก 40% จะเห็นได้ว่า การจัดพอร์ตกระจายการลงทุน ปกป้องพอร์ตยามตลาดเกิดเหตุการณ์รุนแรง จะเห็นได้ผลตอบแทนของ AA มักจะอยู่ตรงกลาง ๆ ของตาราง เวลาตลาดขาขึ้น ผลตอบแทนก็อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ในขณะที่มีเหตุการณ์ร้ายแรง ผลตอบแทนก็จะไม่ต่ำสุด

 

3. It's all just history repeating itself

ในการลงทุนอดีตจะกลับมาเสมอ เพราะทุกอย่างคือวงจรของเศรษฐกิจ  ภาพข้างล่าง เป็นตลาด S&P 500 ของอเมริกา จะเห็นได้ว่า Bull Market ตลาดกะทิงจะใช้เวลาเฉลี่ย 4.4 ปีให้ผลตอบแทน 154%  ส่วน Bear Market ตลาดหมีจะใช้เวลา 11.3 เดือน โดยจะได้ผลตอบแทน -32.1%

 

 

ให้ตอนนี้ S&P 500 (24June2022) มีผลตอบแทน -20% แล้ว เข้าสู่ Bear Market ซึ่งจะรอรอบการฟื้นใหม่ของเศรษฐกิจ เพื่อจะเป็น Bull Market ต่อไป  ดังนั้น การเกิด Bear Market ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่จะทยอยสะสมซื้อให้ราคาที่ไม่แพง

 

4. ตลาดหุ้นอยู่ในระดับที่ราคาไม่แพงแล้ว

Technical View

Figure 2 TradingView  - ภาพของ Nasdaq ETF ราย week

ภาพมุมมองด้าน Technical จะเห็นได้ว่า ทั้ง S&P500 และ Nasdaq Index ราคาตกลงสู่เส้นค่าเฉลี่ย 200 Week แล้ว ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญระยะยาว จะเห็นได้ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่าน ไม่บ่อยครั้งที่ ราคาจะตกลงมาสู่เส้นเฉลี่ย 200 Week นี้

 

·       Fundamental  View

Figure 3 จากหลักทรัพย์บัวหลวง  PE Band ของ S&P500 และ Nasdaq

 

จากรูปแสดงให้เห็นว่า ราคาตกลงมาอยู่  PE Band ล่าง แล้ว โดยที่ PE ของ S&P500 ลดมาอยู่ที่ 18.13 และ Nasdaq ลดมาอยู่ที่ 21.9

Figure 4  gurufocus - PE ย้อนหลังจาก S&P500 และ Nasdaq

 

จากรูปจะเห็นได้ว่า PE ย้อนหลังจาก ทั้ง S&P500 และ Nasdaq ลงมาเท่ากับ PE ย้อนหลังในปี 2017 แล้ว ราคาตอนนี้ไม่ได้แพงมากเหมือนในปี 2021 แล้วเหมาะกับการทยอยสะสมเพื่อเป้าหมายระยะยาว

5. จัดพอร์ตให้เหมาะกับเป้าหมาย

เมื่อเราทราบเป้าหมายที่ชัดเจน และรู้ว่าการกระจายการลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น อีกทั้งตลาดไม่ได้มีราคาแพงเกินไปแล้ว เป็นจังหวะทยอยสะสมได้  เข้าไปอ่านบทความ Power Growth ได้ที่ วางแผนการลงทุนสำหรับอนาคตของลูกด้วย Power Growth และ Power Balance ได้ที่ สร้างกระแสเงินสดหลังเกษียณด้วย Power Balance Income

 

6. Sector ไหนจะ Outperform ในเวลานี้

ถ้าตามวงจรของเศรษฐกิจแล้ว เราจะอยู่ในช่วง Late Cycle  เข้าใกล้ Recession Cycle  ดังนั้น Sector ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Consumer Staples , Health care , Utilities และ Energy


7. วินัยการลงทุนต่อเนื่อง เป็นกุญแจในการลงทุน
วินัย คือการทยอยลงทุนระยะยาว หรือการทำ Dollar Cost Average ลองมาดูว่า ถ้าเราทยอยลงทุนทุนเดือน เดือนละ USD 1,000 ตั้งแต่ปี 2006 ถึง ปี 2022 (JUNE)  จาก กราฟและข้อมูลข้างล่าง จะได้ผลว่า มูลค่าต้นทุนในการลงทุนคือ USD 198,000 แต่มูลค่าสุดท้าย คือ USD 529,700 จะได้กำไร USD 331,770 คิดเป็น  167% หรือเป็นผลตอบแทนประมาณ 10% ต่อปี

หลังจากอ่านจบ คุณเริ่มต้นด้วย เป้าหมายการลงทุนก่อน ตอบให้ชัดว่าคืออะไร แล้วแผนการลงทุนจะชัดไปด้วย

 

บทความโดย

สมพจน์ พัดสุวรรณ AFPT / IP 
BMK Wealth Management "เคียงข้างทุกความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน"

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้