607 จำนวนผู้เข้าชม |
1. สภาวะการลงทุนเป็นอย่างไร
1.1) Economic Growth
1.2) Inflation
แม้เงินเฟ้ออาจอาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ ซึ่งจะอาจใช้เวลานานกว่ากลับเข้าสู่ระดับปกติ
Global Inflation rate เพิ่มสูงขึ้น และจะค่อยทยอยปรับลดลงในปีต่อไป และแถบประเทศ Euro มี inflation ที่สูงเทียบกับพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากมีสงคราม
1.3) Monetary Policy Rate
ธนาคารกลางของแต่ละประเทศขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูง โดยเฉพาะ Fed มีท่าที Hawkish ในการขึ้นดอกเบี้ยมาก
1.4) Bond in Bear Market
การขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าปกติ ทำให้ตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ Bear market ในรอบ 20 กว่าปี โดยเฉพาะ Long-Term Bond จะได้ผลกระทบมากที่สุด
ตัวอย่างพอร์ต Conservative หุ้น 20% / ตราสารหนี้ 80%
ทำการทดสอบด้วย S&P500 ETF เป็นกองทุนดัชนี S&P500 และ AGG ETF เป็นกองทุน USA ตราสารหนี้ โดยทดสอบปี 2004 – Aug 2022
เนื่องจาก bond ปรับตัวลดลงมามาก ส่งผลให้พอร์ตแบบ Conservative ที่มีตราสารหนี้อยู่ 80% ก็ปรับตัวลงมาเช่นด้วยกัน โดยที่มี Max Drawdown ประมาณ -1x% ซึ่งมากกว่าปกติไม่เคยเกิน -10% ในรอบ 18 ปี
1.5) Market Performance
ประเทศส่วนใญ่จะปรับตัวลดลงมากกว่า ACWI World Index แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นประเภทคุณค่า จะ outperform กว่าตลาดในช่วงนี้
ประเทศส่วนใญ่จะปรับตัวลดลงมากกว่าตลาด ยกเว้นบางประเทศ เช่น ไทย , อินโดนีเซีย และ Saudi Arabia ที่มีสัดส่วนหุ้นพลังงาน อยู่มาก
อุตสาหกรรมที่มีความ defensive เช่น Health , Consumer Staples และ Utilities อุตสาหกรรมที่ไปกับเงินเฟ้อ เช่น Energy อุตสาหกรรมการเงินที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกบี้ย กลุ่มเหล่านี้จะตกน้อยกว่าดัชนีตลาด
1.6) Global Stock Valuation
1.7) Business Cycle Framework
2. Investment Strategy
สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจคือ ตลาดหมีเป็นเรื่องปกติ ตลาดหมีและ Recession เป็นสิ่งหนึ่งในวงจรชีวิตของการลงทุน มันเกิดขึ้นเสมอและจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ตลอดไป
2.1) กลยุทธ์การลงทุน
2.2) Power Conservative
2.3) Power Balance
2.4) Power Balance Income
2.5) Power Growth
บทความโดย
สมพจน์ พัดสุวรรณ AFPT / IP
BMK Wealth Management "เคียงข้างทุกความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน"